โครงการรู้วันละอย่าง วันที่ 2 ผมรู้ว่า
เป็บซี่กรีน ไม่ได้ทำมาเพื่อความอร่อย ...แต่ทำมาเพื่อลดโลกร้อน
"เครื่องดื่มเป๊ปซี่ เซอร์ไพรส์ตลาดน้ำอัดลมรับปีใหม่และช่วงซัมเมอร์ เปิดตัว “เป๊ปซี่ กรีน” นวัตกรรมเป๊ปซี่สีเขียวครั้งแรกในประเทศไทย ที่ให้รสชาติเต็มที่ของเป๊ปซี่ และกลิ่นมิ้นต์อ่อนๆ พร้อมให้คนรุ่นใหม่ได้เติมความสดชื่นดับกระหายใน 6 ขนาด ได้แก่ แบบขวด PET 1.25 ลิตร 500 มล. กระป๋อง 325 มล. คูลแฮนด์ 250 มล. พร้อมด้วยขนาด 15 ออนซ์ และ 10 ออนซ์แบบขวดแก้วคืนขวด เพื่อช่วยลดโลกร้อน"
เมื่อวานตอนขับรถกลับบ้านเกิดหิวน้ำอย่างแรง เลยแวะ 7-11 ให้บีซื้อน้ำอะไรเปรี้ยวๆให้กินหน่อย จริงๆอยากกินชะเว็บแต่ไม่มี เลยได้น้ำมิรินด้ารสอะไรซักอย่างก็พอประทังไปได้ แต่บีซื้อ "เป็บซี่กรีน" มาลองกิน เลยขอลองด้วย ดูดเข้าไปคำแรกก็แทบจะบ้วนทิ้งเลยละครับ
รสชาติมันเหมือน......(บรรยายไม่ถูก ลองพิมพ์"เป็บซี่กรีน"ในgoogleดู มีคนบรรยายเอาไว้ได้ดีทีเดียว ทั้งรสยาเบื่อหนู เป็บซี่ค้างคืน น้ำยาล้างห้องน้ำ คนชอบก็ว่าเหมือนเมลอน บ้างก็ว่าเหมือนแตงกวา ส่วนผมนั้นเหมือนร่างกายสั่งห้ามการรับรู้อย่างฉับพลัน เลยไม่สามารถคิดออกทันทีนะครับว่าเหมือนอะไร) ต้องตั้งสติในการขับรถกันใหม่เลยทีเดียว ดู ดู้ ดู ดูเป็บซี่ทำ ทำไมถึงทำกับชั้นได้
ผ่านมา 1 คืน เป็บซี่กรีนขวดเดิมยังตั้งอยู่ในรถ เลยนึกได้ว่าต้องลองหาข้อมูลว่า...รสชาติแบบนี้มันจะทำขึ้นมาทำไม (ว่ะ) เริ่มหาจาก www.pepsithai.com ก็ไม่พบข้อมูล เข้าไปบ.เสริมสุข www.sermsukplc.com ก็ไม่เจอ แต่เริ่มเห็นอะไรบางอย่างกับโครงการ "คนรุ่นใหม่หัวใจสีเขียว" จนมาพบกับข้อมูลตามที่ไฮไลท์ข้างบน ก็เลยรู้ว่ามันออกมาตามกระแสลดโลกร้อน!!!
แต่อยากจะบอกคนคิดแคมเปญจริงๆว่า Green มันไม่ได้แปลว่าสีเขียวเสมอไปนะ
ชาเขียว กินแล้วไม่ได้ช่วยให้โลกเย็นลง
กินถั่วเขียว ไม่ได้เย็นไปกว่ากินถั่วแดง
รวมไปถึงแอ๊ปเปิ้ลด้วย
เอ๊ะ! หรือเป็บซี่กรีนจะคิดเยอะกว่านั้น ทำให้ไม่อร่อย คนจะได้กินน้อยลง ผลิตน้อยลง โรงงานปล่อยของเสียน้อยลง โลกก็จะร้อนน้อยลง เป็นการบูรณาการเครื่องดื่มอัดลมไปเลย
โอ้ววว พอคิดแบบนี้แล้ว รสชาติเป็บซี่กรีนเมื่อคืน อร่อยขึ้นเยอะเลยครับ
ปล.
ในฐานนะอยู่ในวงการสถาปนิก ขอเชิญพวกเราแปลคำว่า Green Architecture ว่าสถาปัตยกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรืออะไรทำนองนี้กันเถอะครับ อย่าแปลว่า"สถาปัตยกรรมสีเขียว"เลย เดี๋ยวพวกที่เข้าใจอะไรดาดๆจะเอาสีเขียวไปทาฝาบ้านกันหมด
Saturday, 31 January 2009
Friday, 30 January 2009
ODOT#1_30012009
โครงการรู้วันละอย่าง
วันแรกของโครงการ ผมรู้ว่า...
กล้อง D3 ของนิคอนได้รับการออกแบบโดย Giugiaro
แล้วไอ้ Giugiaro คือใคร?
และที่เราสนใจคือการออกแบบบอดี้กล้อง D3 ของนิคอน
กล้อง DSLR รุ่นใหม่ของนิคอนได้รับการออกแบบใหม่ด้วยแนวคิดตาม “หลักสรีรศาสตร์” เช่น ออกแบบวงล้อหมุนคำสั่ง และหน้าจอแสดงข้อมูลการทำงานด้านบนให้ลาดเอียง และรูปทรงกริปจับถือได้สะดวก ส่วนโค้งของหัวกะโหลกด้านบน, กริป และด้านข้างเว้าสู่ศูนย์กลางเลนส์ และสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อสื่อถึงความคมชัดของภาพ
ลองดูบทสัมภาษณ์ของ Giugiaro ที่พูดถึง D3 ได้ที่นี่
http://chsvimg.nikon.com/products/imaging/lineup/d3/en/design_lab/interview/
พอค้นข้อมูลไปเรื่อยๆพบว่า ก่อนหน้า D3 Giugiaro ออกแบบบอดี้ให้นิคอนมาตั้งแต่สมัย F3(1980)-F4(1988)-F5(1998รุ่นฉลองครบรอบนิคอน 50 ปี)-F6(2004เป็นปีสุดท้ายในการผลิตกล้องฟิล์มของนิคอน)
วันแรกของโครงการ ผมรู้ว่า...
กล้อง D3 ของนิคอนได้รับการออกแบบโดย Giugiaro
แล้วไอ้ Giugiaro คือใคร?
Giorgetto Giugiaro เกิดวันที่ 7 สิงหาคม 1938 เป็นนักออกแบบยนตรกรรมชาวอิตาลี เกิดที่เมือง Garessio
เค้าเป็นผู้นำทางการออกแบบในยุค 1970's ซึ่งเป็นยุคที่การออกแบบรถส่วนใหญ่จะใช้เส้นสายที่เฉียบคม จนถูกเรียกว่าเป็นยุค "folded paper" ซึ่งรถที่เขาออกแบบก็มีตั้งแต่ยี่ห้อ Alfa Romeo,Lamborghini, Audi, BMW, Bugatti, Cadillac, Ferrary, Fiat, Ford,Hyundai และอีกมากมายแม้กระทั้ง Isuzu Toyota ก็เอาด้วย
Giugiaro ได้รับรางวัลนักออกแบบยอดเยี่ยมแห่งศตรวรรษในปี 1999 และอีก 3 ปีต่อมาก็ได้รับรางวัลสูงสุดของวงการออกแบบรถยนตร์คือ Automotive Hall of Fame ที่เมือง Dearborn, Michigan
นอกจากการออกแบบรถแล้ว Giugiaro ยังถูกรับเชิญให้มาออกแบบโปรดักต์อีกหลายอย่าง เช่น เครื่องดนตรี เครื่อง Mac ของ Apple (ในอนาคต) ออกแบบเส้นพาสต้า!!! (ไม่น่าเชื่อว่ามันต้องออกแบบด้วย)และที่เราสนใจคือการออกแบบบอดี้กล้อง D3 ของนิคอน
กล้อง DSLR รุ่นใหม่ของนิคอนได้รับการออกแบบใหม่ด้วยแนวคิดตาม “หลักสรีรศาสตร์” เช่น ออกแบบวงล้อหมุนคำสั่ง และหน้าจอแสดงข้อมูลการทำงานด้านบนให้ลาดเอียง และรูปทรงกริปจับถือได้สะดวก ส่วนโค้งของหัวกะโหลกด้านบน, กริป และด้านข้างเว้าสู่ศูนย์กลางเลนส์ และสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อสื่อถึงความคมชัดของภาพ
ลองดูบทสัมภาษณ์ของ Giugiaro ที่พูดถึง D3 ได้ที่นี่
http://chsvimg.nikon.com/products/imaging/lineup/d3/en/design_lab/interview/
พอค้นข้อมูลไปเรื่อยๆพบว่า ก่อนหน้า D3 Giugiaro ออกแบบบอดี้ให้นิคอนมาตั้งแต่สมัย F3(1980)-F4(1988)-F5(1998รุ่นฉลองครบรอบนิคอน 50 ปี)-F6(2004เป็นปีสุดท้ายในการผลิตกล้องฟิล์มของนิคอน)
Subscribe to:
Posts (Atom)